Sunday, 15 February 2015

ศาลาเฉลิมธานี - โรงหนังนางเลิ้ง...ในตำนาน

วันนี้ตอนบ่ายๆ ผมมีโอกาสไปเดินเล่นแถว  "ตลาดนางเลิ้ง"  เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยไป ที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องของกิน มีอะไรหร่อยๆเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่หมูแดงและขนมไทย

แต่คราวนี้ผมไม่ได้ตั้งใจมากิน แต่ตั้งใจมาที่นี่หน่อย " ศาลาเฉลิมธานี"  หรือคนแถวนั้นเรียกกันว่า "โรงหนังนางเลิ้ง"  ผมมาที่นี่หลายหน ชอบมาดู อาคารโรงหนังมันคลาสสิคนะ อดอิจฉาคนสมัยก่อนไม่ได้ ที่มีโอกาสได้ดูโรงหนังแบบนี้

  โรงหนังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยร.6 ครับ และเริ่มฉายตั้งแต่ปีพ.ศ. 2461  สมัยก่อนไม่มีจองที่นั่ง ที่นั่งก็เป็นเก้าอี้ม้ายาว เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย ไม่มีเจ้าหน้าที่ตั๋ว

ระยะแรกเป็นหนังใบ้ ไม่มีการพากษ์เสียง จะมีเล่นแตรวงข้างหน้าโรง เชิญชวนให้คนเข้ามาดู สมัยก่อนราคาตั๋วก็ 3, 5 บาท

ต่อมาธุรกิจหนังซบเซา โรงหนังนี้ก็ปิดตัวลงเมื่อปี 2536 ปัจจุบันก็เป็นที่เก็บของ

วันนี้ที่ผมไป เจอภาพการรวมตัวของชาวบ้านช่วยกันทำ "ขนมเทียน" ขายอยู่ที่หน้าโรงหนัง


ขนมเทียนนางเลิ้ง
ผมก็อดที่จะแวะซื้อกลับบ้านไม่ได้...ร้อนๆ จากเตาเลยครับ ขายชิ้นละ 8.50 บาท

แม้หลายๆ อย่างจะเปลี่ยนไป บ้านเมืองเจริญขึ้น แต่เชื่อว่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถวนี้ตั้งแต่สมัยก่อน ความรู้สึกคงไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่

ผมได้เห็นภาพของชุมชนที่รักกัน มิตรภาพที่มี การคุยกันระหว่างเพื่อนบ้าน มันทำให้ย่านนี้ยังเป็นย่านที่ยังมีมนต์ขลัง และยังน่ามาเที่ยวเหมือนเดิม

เสียดายวันนี้เป็นวันอาทิตย์ และเป็นช่วงบ่ายๆ ตลาดวายแล้ว ไม่ค่อยมีอะไรขายเท่าไหร่...ไว้ผมมีโอกาสจะแวะมาเก็บภาพของหร่อยๆ แถวนี้ให้ชมกัน

ลืมบอกไปศาลาเฉลิมธานี  เค้าก็มีเพื่อนๆ โรงหนังด้วยนะ อาจเคยได้ยินชื่อกันบ้าง เช่น ศาลาเฉลิมไทย, ศาลาเฉลิมกรุง, ศาลาเฉลิมนคร, ศาลาเฉลิมราษฎร์ เป็นชื่อที่มักใช้ในการตั้งชื่อโรงหนังสมัยก่อน

ดูจากชื่อ อดคิดไม่ได้ว่าคำว่า " เฉลิม"  นี่มันดังจริงๆ  ดีนะสมัยก่อน เค้าเอาไปใช้ในการตั้งโรงหนังยังมีประโยชน์

สมัยนี้คงมีประโยชน์แค่เอาไปใช้เฉลยคำถามที่ฮิตติดปากของคนประเทศนี้ " รู้มั้ย? กูลูกใคร " ..ก็เท่านั้นเอง #

ภาพบรรยากาศชาวบ้านทำขนมเทียน


โรงหนังนางเลิ้ง - ศาลาเฉลิมธานี
บรรยากาศตลาด..วันอาทิตย์



Saturday, 7 February 2015

กลับมาอีกครั้ง 2558

หายไปตั้งแต่ปี 2554  มัวแต่ไม่หนุกหนานกับ Facebook...แต่สุดท้ายอดคิดถึงเจ้านี้ไม่ได้

ไว้คอยติดตามกันนะครับ ^^




Wednesday, 1 June 2011

Lucky

ไม่รู้จะเขียนอะไรดี..สำหรับผมกับความรู้สึกตอนนี้...ผมคิดถึงเพื่อนคนนึง..ผู้ซึ่งไม่มีวันกลับมาได้พบกันอีก..เค้าจากไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 วันที่ผมต้องไปตรวจงานที่ระยอง..เลยไม่มีโอกาสได้เจอกัน...





"มันไม่ได้รักนายเท่าชีวิต..แต่นายคือชีวิตของมัน"..ประโยคสุดท้ายจากเรื่องสั้นของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช..เรื่อง "มอม"..สำหรับผมคำนี้..เป็นคำที่ผมไม่เคยปฏิเสธกับสิ่งที่ผมได้รับจากเค้า..Lucky

RIP.
1 มิถุนายน 2554

Tuesday, 24 May 2011

นกพูดไม่ได้..แต่คนพูดเพื่อนกได้


วันนี้มีโอกาสมาเดินเล่นที่หอศิลปฯ กรุงเทพ...มาเจอนิทรรศการอันนึงครับที่ชั้น 9 ชื่อนิทรรศการ A CAGE IS NO HOME หรือ กรงไม่ใช่บ้าน ของชมรมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านนา..มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนอย่างเราๆ เข้าใจสัตว์ที่เรียกว่า"นก" มากขึ้น...การกักขังเค้าในกรงมันถูกหรือไม่..สำหรับคนที่อ้างว่ารักนก หรือบางคนก็เอานกมาแข่งร้องกัน..เคยถามมันบ้างมั้ย....ว่ามันชอบหรือป่าว..


จากคำถามเหล่านี้..ก็เลยเกิดเป็นคอนเซปต์นิทรรศการนี้ขึ้นมา...ผมคงไม่อธิบาย..ลองดูจากภาพที่ถ่ายมาให้ดูหละกันครับ....อย่างไรก็ตามถ้าใครสนใจลองเข้าไปที่ facebook ที่ " Free the Birds กรงไม่ใช่บ้าน " ดูครับ








ปล. ใครอยากเลี้ยงนกในกรง...โดยส่วนตัวผมก็ไม่ว่าหรอกครับ..แต่ถ้าจะให้ดี...กรงที่เลี้ยง..น่าจะเปิดประตูกรงไว้ตลอดเวลาก็ดีนะครับ..เผื่อจะลองวัดใจว่า...นกมันจะบินกลับมาหาเจ้าของ (ที่รักมัน)..หรือป่าว??...

เหตุเกิดบนรถเมล์

เคยเข้าใจอะไรผิดมั้ยครับ...วันนี้เจอกับตัว..ก็เลยอยากเล่าเป็นประสบการณ์ให้ฟังกันหน่อยครับ

...วันนี้ผมออกไปถ่ายรูปเล่นข้างนอก ขากลับนั่งปอ.สายนึงกลับบ้าน...ก็มีชายคนนึงขึ้นมาบนรถ...และมานั่งติดกับผม...กระเป๋าก็เดินเข้ามาเพื่อจะเก็บค่าโดยสาร ไอ้เจ้าผู้ชายคนนี้..ก็มัวแต่เล่นมือถือ กด sms เขียนข้อความอยู่ได้..กระเป๋าก็เลยหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ก็รอแต่ว่าเมื่อไรไอ้บ้าเนี่ยจะเลิกเล่นมือถือสักที จ่ายตังค์ก่อนไม่ได้หรือ (วะ)..ผมเดา 555 ...สุดท้าย..เธอก็ไม่รอครับ..หงุดหงิด แถมด่าเล็กๆ ออกมา แล้วเดินไปที่หน้ารถ..คงจะกลับมาเก็บที่หลัง

ไอ้ผมเห็นก็รู้สึกยั้วะแทนไม่ได้เหมือนกัน..ว่ามันจะเล่นอะไรกันนักกันหนา....และแล้วกระเป๋าก็เดินกลับมาอีกรอบ แถมถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่..."จะลงไหน??"...และแล้วเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยครับ...



เจ้าหนุ่มคนนั้นยื่นมือถือที่เค้าเขียนข้อความส่งให้กระเป๋าอ่าน...รู้แล้วใช่มั้ยครับ...เค้าพูดไม่ได้ครับ!!...เค้าเป็นใบ้ พยายามจะเขียนว่าจะไปลงที่ไหนให้กระเป๋าอ่าน...


ผมเอง..รู้สึกผิดขึ้นมาเลย...และกลับเห็นใจเจ้าหนุ่มคนนี้อย่างมาก..นับถือในความพยายามที่เค้าจะสื่อสารให้กระเป๋าได้รู้..คงไม่บอกนะว่าสีหน้ากระเป๋าเป็นอย่างไง...เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

แลกเปลี่ยน..ประสบการณ์ให้ฟังเนาะ..+++ เผื่อใครจะเจอเหมือนผม


ปล.โอกาสเท่านั้นนะครับ..ที่เราจะให้กับคนที่มีโอกาสไม่เหมือนเรา...บางครั้งเราไม่ต้องทำอะไรมากก็ได้..แค่"ใจคิดบวก"..ก็พอ..